คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับโรคไตที่คุณควรรู้!
โรคไตคืออะไร และเกิดจากอะไรได้บ้าง?
ตอบ: โรคไตคือภาวะที่ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติในการกรองของเสียและสารพิษออกจากเลือด รักษาสมดุลของเหลวและแร่ธาตุในร่างกาย และควบคุมความดันโลหิต โดยโรคไตสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease - CKD) และโรคไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury - AKI)
โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease - CKD) เกิดขึ้นเมื่อการทำงานของไตลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถฟื้นตัวได้ โดยมักจะเกิดจากโรคประจำตัวหรือภาวะที่ทำให้เกิดการทำลายไตเรื้อรัง เช่น
-
โรคเบาหวาน
-
ความดันโลหิตสูง
-
การอักเสบของไต
-
โรคทางพันธุกรรม เช่น โพรงปัสสาวะเรื้อรัง
โรคไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury - AKI) เกิดขึ้นเมื่อการทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น
-
การขาดน้ำอย่างรุนแรง
-
การติดเชื้อรุนแรง
-
การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดใหญ่
-
การใช้ยาหรือสารพิษที่ทำลายไต
อาการเบื้องต้นอะไรบ้างที่บ่งบอกว่าเราจะเป็นโรคไต?
ตอบ: อาการเบื้องต้นของโรคไตที่พบบ่อยมีดังนี้:
-
เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย: ความรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่องแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว
-
ปัสสาวะผิดปกติ: การเปลี่ยนแปลงในปริมาณหรือความถี่ของการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อยขึ้น หรือปัสสาวะน้อยลง
-
ปัสสาวะมีฟอง: ปัสสาวะที่มีฟองมากเกินไป อาจบ่งบอกถึงการที่โปรตีนหลุดออกมากับปัสสาวะ
-
บวม: การบวมที่เท้า ข้อเท้า ขา หรือมือ
-
อาการคันหรือผิวแห้ง: ผิวหนังแห้งหรือคัน
-
เบื่ออาหารหรืออาการคลื่นไส้: การสะสมของของเสียในเลือด
-
หายใจลำบาก: การสะสมของของเสียและของเหลวในร่างกาย
-
ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
-
ปวดหลังหรือด้านข้าง: อาการปวดที่หลังหรือด้านข้างบริเวณที่ไตตั้งอยู่
-
ความเข้มของปัสสาวะเปลี่ยนไป: ปัสสาวะที่มีสีเข้มกว่าปกติหรือมีเลือดปน
ชอบกินเค็ม รสจัดประจำ จะเป็นโรคไตจริงหรือไม่?
ตอบ: การกินอาหารที่มีรสเค็มและรสจัดเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไตได้จริง โดยมีเหตุผลดังนี้:
-
การบริโภคเกลือสูง: การบริโภคเกลือมากเกินไปทำให้ระดับโซเดียมในเลือดสูงขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเป็นโรคไต
-
การเก็บน้ำในร่างกาย: การบริโภคเกลือมากเกินไปทำให้ร่างกายเก็บน้ำมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การบวมและเพิ่มภาระงานของไต
-
การอักเสบและการทำลายไต: อาหารที่มีรสจัดมากๆ มักมีสารเคมีและสารปรุงรสต่างๆ ซึ่งบางชนิดอาจเป็นพิษต่อไตหรือทำให้เกิดการอักเสบที่ไต
-
การบริโภคโปรตีนสูง: อาหารรสจัดมักประกอบด้วยเนื้อสัตว์หรือโปรตีนจากสัตว์ในปริมาณมาก การบริโภคโปรตีนสูงสามารถเพิ่มภาระงานของไตในการกรองของเสียจากโปรตีน
เป็นโรคไตต้องฟอกไตทุกคนไหม?
ตอบ: ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นโรคไตต้องฟอกไต การฟอกไตเป็นการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีการเสื่อมสภาพของไตอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ และมีของเสียสะสมในร่างกายจนเป็นอันตรายต่อชีวิต การตัดสินใจในการล้างไตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับการทำงานของไต (glomerular filtration rate - GFR) อาการที่เกิดขึ้น และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
การดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงต้องทำอย่างไรบ้าง?
ตอบ: การดูแลสุขภาพไตให้แข็งแรงมีหลายวิธีที่คุณสามารถปฏิบัติได้ ได้แก่:
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำเพียงพอช่วยให้ไตสามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
-
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น เกลือ และอาหารที่มีโปรตีนมากเกินไป
-
ควบคุมความดันโลหิต: ความดันโลหิตสูงสามารถทำให้ไตเสียหายได้ ควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและควบคุมให้เป็นปกติ
-
ควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม
-
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและควบคุมน้ำหนัก
-
หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด: การใช้ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบไม่สเตียรอยด์ (NSAIDs) มากเกินไปอาจทำให้ไตเสื่อมได้
-
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: การตรวจสุขภาพไตเป็นระยะช่วยให้สามารถตรวจจับปัญหาได้แต่เนิ่นๆ
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อไต
การดูแลสุขภาพไตเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจในชีวิตประจำวัน ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ คุณสามารถช่วยให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไตได้
ข้อมูลสุขภาพจาก พญ.วิจิตรา เทียรเดช อายุรแพทย์โรคไต