โรคหัดเป็นโรคติดต่อสามารถระบาดในผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนและพบได้มากกับเด็กเล็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีลักษณะเด่นคือ มีจุดเทาขาวในปาก และผื่นสีน้ำตาลแดงไล่จากหัวและคอลงมาที่ตัว มักจะหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วันโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มเติม แต่ในบางครั้งมีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงเช่น ปอดบวมและไข้สมองอักเสบสามารถอันตรายถึงชีวิตได้
อาการของโรคหัด
โรคหัดจะเริ่มด้วยอาการคล้ายกับหวัด โดยเริ่มมีอาการประมาณ 10 วันหลังติดเชื้อมีดังนี้:
-
อาการคล้ายหวัด เช่น คัดจมูก จาม และไอ
-
ปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล อาจไหวต่อแสงเพิ่มขึ้น
-
มีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส
-
ปวดกล้ามเนื้อ
-
ไม่อยากอาหาร
-
เหน็ดเหนื่อย ระคายเคือง และหมดเรี่ยวแรง
-
ต่อมน้ำเหลืองโต
-
เกิดจุดสีเทาขาวภายในกระพุ้งแก้ม
ผื่นจากโรคหัด เกิดขึ้นจากโรคหัดจะเริ่มขึ้นประมาณสองถึงสี่วันหลังจากมีอาการแรกเริ่มและจะค่อย ๆ หายไปภายในหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่ผื่นปรากฏออกมาคุณมักจะรู้สึกไม่สบายมากในช่วงวันสองวันแรก หลังจากปรากฏผื่นหนึ่งหรือสองวัน ผู้ป่วยหลายรายจะมีจุดสีเทาขาวเกิดขึ้นในช่องปาก
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?
ควรพบแพทย์ทันทีที่คุณคาดว่าตนเองหรือลูกของคุณเป็นโรคหัด และควรแจ้งทางโรงพยาบาลว่าอาจเป็นโรคหัด เพื่อให้ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมแนวทางป้องกันการแพร่เชื้อแก่ผู้อื่น
โรคหัดแพร่กระจายได้อย่างไร?
เชื้อไวรัสโรคหัดจะอยู่ในละอองสารคัดหลั่งจากจมูกและปากของผู้ติดเชื้อ คุณสามารถรับไวรัสเหล่านั้นได้จากการสูดอากาศที่มีละอองเหล่านี้เข้าไป หรือสัมผัสกับละอองบนพื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ ก่อนนำมือเปื้อนเชื้อเข้าใกล้จมูกหรือปากของตนเอง ผู้ป่วยโรคหัดจะแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีอาการไปจนถึงหลังจากเป็นผื่นขึ้นครั้งแรกสี่วัน
การรักษาโรคหัด
ยังไม่มีวิธีรักษาโรคหัด แต่สามารถหายได้เองภายใน 7 ถึง 10 วัน แพทย์มักจะแนะนำให้คุณพักรักษาตัวที่บ้านไปจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น โดยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อได้ ดังนี้:
-
ทานยาพาราเซตตามอลหรืออิบูโพรเฟนเพื่อลดไข้และอาการปวดกล้ามเนื้อ
-
ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
ปิดม่านเพื่อลดภาวะอ่อนไหวต่อแสงอาทิตย์
-
ใช้ผ้าขนนุ่มชื้น ๆ ทำความสะอาดรอบตา
-
ลาเรียนหรือลางานเป็นเวลาอย่างน้อยสี่วันหลังจากที่เริ่มมีผื่นขึ้น
-
ในกรณีที่ป่วยรุนแรง โดยเฉพาะที่มีภาวะแทรกซ้อนร่วมด้วยต้องพาผู้ป่วยไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที
ใครมีความเสี่ยงที่สุด?
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัดมักจะเกิดขึ้นมากกับผู้คนดังต่อไปนี้:
- เด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 12 เดือน
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ อย่างเช่น ผู้ป่วยลิวคีเมีย ผู้กำลังเข้ารับการบำบัดเคมี
หรือกำลังใช้ยาบางตัวอยู่ - ผู้หญิงตั้งครรภ์
ภาวะแทรกซ้อนของหัดที่พบได้บ่อยมีดังนี้:
-
ท้องร่วงและอาเจียนจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
-
การติดเชื้อของหูชั้นกลางจนทำให้เกิดอาการปวดหู
-
เยื่อบุตาอักเสบ
-
การอักเสบของกล่องเสียง
-
ปอดบวมและโรคครูป ซึ่งเป็นการติดเชื้อของหลอดลมและปอด
-
ชักจากไข้
เด็กที่ป่วยเป็นโรคหัดประมาณ 1 จากทุก ๆ 15 คนจะมีภาวะแทรกซ้อนข้างต้น เราสามารถเลี่ยงการป่วยเป็นโรคหัดได้จากการรับวัคซีนโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR - Measles, Mum)