วัณโรคหลังโพรงจมูก คืออะไร?
วัณโรคคืออะไร?
วัณโรค คือ โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis มีขนาด 1-5 ไมครอน อยู่ในละอองฝอยน้ำลาย ซึ่งเชื้อมีความทนต่ออากาศแห้ง ความเย็น ความร้อน สารเคมี และอยู่ในอากาศได้นาน ยกเว้นไม่ทนทานต่อแสงแดด
“วัณโรคหลังโพรงจมูก” เกิดจากเชื้อวัณโรคไปติดอยู่บริเวณหลังโพรงจมูกแล้วก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลาม
การติดต่อ
ติดต่อทางอากาศโดยการไอ จาม พูด ซึ่งปกติจะถูกทำลายด้วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่หากเชื้อถูกทำลายไม่หมดจะแบ่งตัวทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามขึ้นได้
สถิติการเจ็บป่วยด้วยวัณโรคปี พ.ศ. 2560 พบคนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คน จากประชากร 69 ล้านคน โดยร้อยละ 83 จะตรวจพบที่ปอด ร้อยละ 17 ตรวจพบนอกปอด สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูก พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของวัณโรคที่พบนอกปอด
วัณโรค พบได้ในส่วนใดของร่างกายได้บ้าง?
นอกจากปอดและโพรงจมูกแล้ว สามารถพบวัณโรคในอวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เช่น เยื่อหุ้มสมอง เยื่อหุ้มหัวใจ กระดูกสันหลัง ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น แต่อาจพบได้น้อย
ปัจจัยเสี่ยง
-
จำนวนเชื้อวัณโรคที่อยู่ในอากาศ
-
ระยะเวลาที่อยู่ในห้องที่มีเชื้อโรค
-
ภูมิคุ้มกันของคนที่สัมผัสโรค
อาการ
ไม่มีอาการใดๆ แต่ประมาณร้อยละ 70 มีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือมีก้อนบริเวณหลังโพรงจมูก ซึ่งแตกต่างกับวัณโรคปอดทั่วไปที่มีอาการไอเรื้อรังติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ไอมีเลือดปน เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือมีไข้ร่วมด้วย
การวินิจฉัย
ทำได้โดยการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อนหรือต่อมน้ำเหลือง
การป้องกัน
-
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่แออัด หรือที่ที่มีผู้ป่วยวัณโรค
-
ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
-
ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
-
ฉีดวัคซีนป้องกันโรควัณโรค
-
ตรวจสุขภาพร่างกายประจำทุกปี
-
หากเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV หรือกำลังรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
“แม้ผลการตรวจร่างกายจะปกติ แต่หากมีอาการผิดปกติระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหารมี ไข้ต่ำๆ คลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ”