“กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โรคไม่ลับ ที่สาวๆ ต้องรู้

article-“กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โรคไม่ลับ ที่สาวๆ ต้องรู้

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567

5.00

‘กระเพาะปัสสาวะอักเสบ’ เป็นปัญหาในจุดซ่อนเร้นของสาวๆ ที่มีเหตุมาจากการกลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน อาจเพราะต้องนั่งโต๊ะทำงานทั้งวัน รถติด เดินทางไกล เจอห้องน้ำที่ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงการดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ถูกวิธี จนแบคทีเรียสะสมกลายเป็นอาการปวด แสบ เจ็บ ขัด ขณะถ่ายปัสสาวะ แต่หากปล่อยทิ้งไว้และรักษาล่าช้าอาจเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงจนกรวยไตอักเสบเรื้อรัง หรือลุกลามเข้ากระแสเลือดได้ 

ดังนั้น มาทำความเข้าใจสัญญาณส่อโรคและแนวทางการหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยก่อนที่ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะรบกวนการใช้ชีวิตของเรากันเถอะ

รู้หรือไม่ว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากอะไร

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในร่างกายได้ง่ายกว่า แต่ในบางรายอาจเกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อย ระบบโครงสร้างของระบบปัสสาวะผิดปกติ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เป็นต้น 

อาการ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ สังเกตได้อย่างไร

  1. ปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวันแบบกะปริบกะปรอย จนต้องลุกมาปัสสาวะบ่อยขึ้นในเวลากลางคืน
  2. ปัสสาวะแสบขัด
  3. เมื่อปัสสาวะสุด อาจมีอาการเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ
  4. ในบางรายอาจมีปัสสาวะปนเลือด

การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำด้วยวิธีใดได้บ้าง

  1. ซักถามประวัติการเจ็บป่วยและตรวจร่างกายพื้นฐาน
  2. การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาการติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เลือด หรือเม็ดเลือดขาว
  3. หากมีการติดเชื้อ แพทย์อาจส่งน้ำปัสสาวะเพื่อทำการเพาะเชื้อ
  4. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและเรื้อรัง แพทย์อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ การส่งตรวจชิ้นเนื้อหรือการถ่ายภาพรังสี เป็นต้น

กระเพาะปัสสาวะอักเสบมีวิธีรักษาอย่างไร

โดยทั่วไปจะให้รับประทานยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะนานขึ้น ประมาณ 7-10 วัน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแสบขัดเมื่อปัสสาวะ อาจให้รับประทานยาเพื่อลดอาการแสบขัดร่วมด้วยเป็นระยะเวลาสั้นๆ 1-2 วัน เท่านั้น

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร

  1. อาหารประเภทชา กาแฟ เครื่องดื่มมีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ มีส่วนกระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะทำงานหนักขึ้น 
  2. อาหารประเภทแป้ง ของหวาน ผลิตภัณฑ์จากนม เนย ชีส อยู่ในกลุ่มของอาหารที่มีน้ำตาลสูง และเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของแบคทีเรียในระบบปัสสาวะ กระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้นด้วย
  3. อาหารรสเผ็ดจัด เพราะแคปไซซิน (Capsaicin) หรือสารให้ความเผ็ดที่อยู่ในพริกมีโอกาสทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการระคายเคือง
  4. ของหมักดอง และอาหารรสเปรี้ยว ซึ่งมีส่วนกระตุ้นการอักเสบ และส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะมีจำนวนเพิ่มขึ้น

ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อย่างไร

  1. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนานๆ โดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้แบคทีเรียที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตได้ดี
  2. ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 8 - 10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายโดยเร็ว และลดปริมาณการดื่มน้ำลงในช่วงเวลาก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสกลั้นปัสสาวะขณะนอนหลับ
  3. ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะและอุจจาระเสร็จ ผู้หญิงควรทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ
  4. ควรทำความสะอาดร่างกายและปัสสาวะทิ้งทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์  

ผู้หญิงกว่าร้อยละ 50 ต่างเคยเผชิญกับปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ และ 1 ใน 4 มักกลับมาเป็นซ้ำหากมีอาการเจ็บป่วย นอกจากจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันจนครบตามที่แพทย์สั่งแล้ว การปรับพฤติกรรมไม่ดีที่อาจก่อให้เกิดโรคก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้มากที่สุด

Share:
social-media-iconsocial-media-iconsocial-media-icon

แพ็คเกจสุขภาพ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกตั้งค่าความยินยอมการใช้คุกกี้ได้ โดยคลิก "การตั้งค่าคุกกี้" นโยบายความเป็นส่วนตัว