“กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” โรคไม่ลับ ที่สาวๆ ต้องรู้
‘กระเพาะปัสสาวะอักเสบ’ เป็นปัญหาในจุดซ่อนเร้นของสาวๆ ที่มีเหตุมาจากการกลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน อาจเพราะต้องนั่งโต๊ะทำงานทั้งวัน รถติด เดินทางไกล เจอห้องน้ำที่ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงการดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ถูกวิธี จนแบคทีเรียสะสมกลายเป็นอาการปวด แสบ เจ็บ ขัด ขณะถ่ายปัสสาวะ แต่หากปล่อยทิ้งไว้และรักษาล่าช้าอาจเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงจนกรวยไตอักเสบเรื้อรัง หรือลุกลามเข้ากระแสเลือดได้
ดังนั้น มาทำความเข้าใจสัญญาณส่อโรคและแนวทางการหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยก่อนที่ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจะรบกวนการใช้ชีวิตของเรากันเถอะ
รู้หรือไม่ว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจากอะไร
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยในผู้หญิง เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย จึงทำให้เชื้อโรคเข้าไปในร่างกายได้ง่ายกว่า แต่ในบางรายอาจเกิดจากการกลั้นปัสสาวะบ่อย ระบบโครงสร้างของระบบปัสสาวะผิดปกติ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องนิ่ว เป็นต้น
อาการ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ สังเกตได้อย่างไร
- ปวดปัสสาวะบ่อยมากกว่า 10 ครั้งต่อวันแบบกะปริบกะปรอย จนต้องลุกมาปัสสาวะบ่อยขึ้นในเวลากลางคืน
- ปัสสาวะแสบขัด
- เมื่อปัสสาวะสุด อาจมีอาการเจ็บเสียวบริเวณปลายหลอดปัสสาวะ
- ในบางรายอาจมีปัสสาวะปนเลือด
การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำด้วยวิธีใดได้บ้าง
- ซักถามประวัติการเจ็บป่วยและตรวจร่างกายพื้นฐาน
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อหาการติดเชื้อจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจปนอยู่ในน้ำปัสสาวะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เลือด หรือเม็ดเลือดขาว
- หากมีการติดเชื้อ แพทย์อาจส่งน้ำปัสสาวะเพื่อทำการเพาะเชื้อ
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและเรื้อรัง แพทย์อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องระบบทางเดินปัสสาวะ การส่งตรวจชิ้นเนื้อหรือการถ่ายภาพรังสี เป็นต้น
กระเพาะปัสสาวะอักเสบมีวิธีรักษาอย่างไร
โดยทั่วไปจะให้รับประทานยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะนานขึ้น ประมาณ 7-10 วัน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแสบขัดเมื่อปัสสาวะ อาจให้รับประทานยาเพื่อลดอาการแสบขัดร่วมด้วยเป็นระยะเวลาสั้นๆ 1-2 วัน เท่านั้น
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ห้ามกินอะไร
- อาหารประเภทชา กาแฟ เครื่องดื่มมีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ มีส่วนกระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะทำงานหนักขึ้น
- อาหารประเภทแป้ง ของหวาน ผลิตภัณฑ์จากนม เนย ชีส อยู่ในกลุ่มของอาหารที่มีน้ำตาลสูง และเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของแบคทีเรียในระบบปัสสาวะ กระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้นด้วย
- อาหารรสเผ็ดจัด เพราะแคปไซซิน (Capsaicin) หรือสารให้ความเผ็ดที่อยู่ในพริกมีโอกาสทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการระคายเคือง
- ของหมักดอง และอาหารรสเปรี้ยว ซึ่งมีส่วนกระตุ้นการอักเสบ และส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อย่างไร
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนานๆ โดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้แบคทีเรียที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเจริญเติบโตได้ดี
- ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 8 - 10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายโดยเร็ว และลดปริมาณการดื่มน้ำลงในช่วงเวลาก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสกลั้นปัสสาวะขณะนอนหลับ
- ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะและอุจจาระเสร็จ ผู้หญิงควรทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ
- ควรทำความสะอาดร่างกายและปัสสาวะทิ้งทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์
ผู้หญิงกว่าร้อยละ 50 ต่างเคยเผชิญกับปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบ และ 1 ใน 4 มักกลับมาเป็นซ้ำหากมีอาการเจ็บป่วย นอกจากจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันจนครบตามที่แพทย์สั่งแล้ว การปรับพฤติกรรมไม่ดีที่อาจก่อให้เกิดโรคก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้มากที่สุด