โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันที่เกิดจากแบคทีเรีย Bacillus anthracis มักพบในสัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ แกะ และสามารถติดต่อสู่คนได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์ โรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตสูงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการของโรคแอนแทรกซ์ในคน
อาการของโรคแอนแทรกซ์ขึ้นอยู่กับช่องทางที่รับเชื้อเข้าร่างกาย แบ่งได้เป็น 3 รูปแบบหลัก
1. แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax)
- เริ่มต้นด้วยตุ่มนูนแดงคล้ายแมลงกัด
- พัฒนาเป็นตุ่มพองและกลายเป็นแผลตรงกลางมีสีดำ (eschar)
- อาจมีไข้ ปวดศีรษะ และต่อมน้ำเหลืองบวม
- เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด และรักษาได้ง่ายหากตรวจพบเร็ว
2. แอนแทรกซ์ทางระบบหายใจ (Inhalation Anthrax)
- เริ่มด้วยอาการคล้ายไข้หวัด ไข้ หนาวสั่น ไอ เจ็บหน้าอก
- พัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นภาวะหายใจล้มเหลวหรือช็อก
- อันตรายที่สุด อัตราการเสียชีวิตสูง
3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax)
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรง
- ถ่ายเป็นเลือดหรือท้องเสียรุนแรง
- เกิดจากการกินเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อแบบไม่สุก
การรักษาโรคแอนแทรกซ์
หากสงสัยว่าได้รับเชื้อแอนแทรกซ์ ควรรีบพบแพทย์ทันที การรักษาได้ผลดีที่สุดเมื่อเริ่มเร็ว โดยแนวทางการรักษาประกอบด้วย
-
การให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Ciprofloxacin, Doxycycline หรือ Penicillin เป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน
-
ในกรณีรุนแรง อาจใช้ยาฉีดร่วมกับการดูแลประคับประคองในโรงพยาบาล
การป้องกันโรคแอนแทรกซ์
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก
-
ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์ควรใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก
-
ในบางกรณีสามารถฉีดวัคซีนป้องกันแอนแทรกซ์ได้ โดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยงสูง เช่น เจ้าหน้าที่ห้องแล็บ หรือทหารในพื้นที่เสี่ยง
สรุป
โรคแอนแทรกซ์แม้พบได้น้อย แต่มีความรุนแรง การรู้จักอาการ สาเหตุ และแนวทางป้องกันจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้อย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อควรรีบพบแพทย์โดยไม่ชักช้า