ชวนรู้จัก “โรคปอดบวม” ภาวะเสี่ยงที่ป้องกันได้
ไอแห้ง หอบ เหนื่อย มีไข้… อย่าวางใจ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปอดบวม ภาวะที่ติดต่อได้ง่ายแสนง่ายจากการสูดหายใจนำเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในอากาศเข้าปอดโดยตรงขณะที่ร่างกายอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงส่งเม็ดเลือดขาวจำนวนมากมายับยั้งเชื้อโรคบริเวณปอด เป็นเหตุให้ปอดบวมใหญ่ขึ้น แท้จริงแล้ว โรคปอดบวมมีที่มาที่ไปอย่างไรนั้น มาทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และการป้องกันตัวเองจากโรคนี้ไปด้วยกัน
โรคปอดบวม คืออะไร
โรคปอดบวม, โรคปอดอักเสบ หรือ โรคนิวโมเนีย (pneumonia) เป็นโรคที่มีการอักเสบของปอด ทำให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ทำให้ถุงลมปอดเต็มไปด้วยหนองหรือสารคัดหลั่ง ส่งผลให้การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนลดลง ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และหอบเหนื่อย สามารถพบได้ร้อยละ 8-10 ของผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจ และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโรคติดเชื้อในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
โรคปอดบวมมีสาเหตุจากอะไร
- เชื้อไวรัส เช่น RSV, ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
- เชื้อแบคทีเรีย เช่น S.pneumoniae, Haemophilus influenza (Hip), Mycoplasma, E.coli เป็นต้น
- เชื้อรา เช่น Chlamydia เป็นต้น
- สารเคมี
อาการโรคปอดบวมเป็นอย่างไร
- ช่วงแรกอาจมีอาการไอแห้งๆ ต่อมาจะมีเสมหะและมักมีเสียงเสมหะในปอด
- มีไข้สูง ตัวร้อน
- หายใจหอบ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- อาจมีอาการเจ็บหน้าอกบริเวณที่ปอดมีการอักเสบได้
การตรวจวินิจฉัยโรคปอดบวม
- แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ฟังเสียงหายใจ เพื่อประเมินว่ามีเสียงเสมหะหรือสารคัดหลั่งในปอดหรือไม่
- เอกซเรย์ปอด เพื่อดูว่ามีหนองหรือสิ่งคัดหลั่งอยู่ในถุงลมปอดหรือไม่
- ตรวจเลือดดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดจะพบว่า มีเม็ดเลือดขาวขึ้นสูง ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อในร่างกาย
- ตรวจเพาะเชื้อในเลือด เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ และถ้ามีเป็นเชื้อตัวใดเพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง
- ตรวจเสมหะเพื่อย้อมสีหรือเพาะเชื้อ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปอดอักเสบตามความเหมาะสมโดยแพทย์
โรคปอดบวม รักษาอย่างไร
- ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้แก้ปวด ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอละลายเสมหะหรือยาพ่นเพื่อทำให้ปอดขยายตัวและทำงานได้ดีขึ้น เป็นต้น
- ให้ยาปฏิชีวนะ ในรายที่พบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียตามความเหมาะสมของเชื้อชนิดนั้นๆ
- ให้ยาต้านเชื้อไวรัสในรายที่เป็นปอดบวมจากเชื้อไข้หวัดใหญ่
- นอนพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ในรายที่ไข้สูงและอ่อนเพลียมากอาจได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำและนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
การป้องกันโรคปอดบวม
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีนป้องกันเชื้อฮิบ (Hib), วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไอพีดีและวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ รักษาความสะอาดร่างกาย
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 8-10 แก้ว
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรืออากาศไม่ถ่ายเท หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย
โรคปอดบวมมักพบบ่อยช่วงระหว่างฤดูฝนและฤดูหนาว หรือตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จนถึงเดือนมีนาคม ในแต่ละปีมักพบว่ามีผู้ป่วยโรคปอดบวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 4 ปี รองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจงโรค เป็นเพียงการรักษาตามอาการด้วยยาลดไข้ ละลายเสมหะ และยาปฏิชีวนะ ดังนั้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และเสริมภูมิคุ้มกันก่อนการติดเชื้อด้วยการฉีดวัคซีนจึง เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเสมือนการสร้างปราการป้องกันให้กับร่างกาย