กรดไหลย้อน...โรคฮิตที่ไม่มีใครอยากเป็น
หากพูดถึงกรดไหลย้อน หลายคนคงนึกถึงการกินแล้วนอนเป็นส่วนใหญ่ และอาจมีอาการเป็นๆ หายๆ ด้วยได้ วันนี้เรามีข้อปฏิบัติสำหรับคนที่มีอาการเบื้องต้น พร้อมวิธีปฏิบัติตนเบื้องต้นก่อนเข้ารับการรักษาจริงจัง
กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร มีอาการอย่างไรบ้าง ?
กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เกิดจากการมีของเหลวจากในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ทำให้มีอาการแสบร้อนบริเวณทรวงอก หรือเสียดยอดอก (Heart Burn) โดยมีสาเหตุเกิดจาก
- การคลายตัวชั่วคราวของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารที่บ่อยขึ้นกว่าคนปกติ
- มีแรงดันที่หูรูดน้อยลง
- อาจเกิดจากการที่มีหูรูดหย่อน หรืออาการไส้เลื่อนกะบังลม
- กระเพาะอาหารย่อยช้าลง ทำให้มีกรดเกินในกระเพาะค้างในกระเพาะ
|
เป็นกรดไหลย้อน รักษายังไงได้บ้าง ?
การเป็นกรดไหลย้อนในบางรายอาจมีอาการอักเสบที่ปลายหลอดอาหารด้วยได้ ทำให้มีอาการเป็นๆ หายๆ โดยเราสามารถดูแลผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนเบื้องต้นได้ ดังนี้
การปฏิบัติตัวเมื่อเริ่มมีอาการกรดไหลย้อน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารช่วงใกล้กับเวลานอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป
- นอนตะแคงซ้าย เพื่อช่วยลดกรดย้อนตอนกลางคืน
- งดอาหารประเภททอดๆ อาหารมันๆ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงควรงดสูบบุหรี่
- ออกกำลังกาย คุมน้ำหนัก เนื่องจากภาวะอ้วนทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบได้
เมื่อไรควรมาพบแพทย์
หากอาการไม่ดีขึ้นหลังปรับพฤติกรรมที่แนะนำ หรือรับประทานยาในเบื้องต้น หากมีอาการกลืนเจ็บ กลืนขัด กลืนลำบาก อาเจียนบ่อย อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ น้ำหนักลดผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด และวางแผนวิธีรักษาอาการกรดไหลย้อนต่อไป
กินแล้วนอน… อาจไม่ได้บ่งบอกถึงความสุข ความสบายเสมอไป สำหรับใครที่มีอาการคล้ายกรดไหลย้อนเป็นๆ หายๆ ให้หมั่นสังเกตอาการตนเอง เพื่อลดเสี่ยงอาการบานปลายและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ!