" โรคลมพิษ อาจดูไม่ใช่โรคร้าย " แต่คุณก็ไม่อาจมองข้ามไป
สาเหตุของโรคลมพิษ
- อาจจะเกิดจากยา
- แมลงกัดต่อย
- อาหาร
- การติดเชื้อในร่างกายหรืออาจเกิดจากพยาธิในร่างกาย
- ละอองฝุ่นในอากาศ
- สิ่งที่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง เช่น สารเคมี
- อากาศที่ร้อนเย็น หรือแสงแดด
- เกิดร่วมกับโรคทางร่างกายบางโรค เช่น มะเร็ง โรคตับหรือไทรอยด์
- สภาวะทางอารมณ์ เช่น ความเครียด
- ลมพิษที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ พบในคนไข้ที่เป็นลมพิษชนิดเรื้อรัง
อาการของโรคลมพิษ
โรคลมพิษ มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดง นูน คัน และมีขนาดต่างกันออกไป อาจเป็นๆหายๆได้หลายวัน ในบางรายนอกจากมีผื่นขึ้นแล้วอาจมีอาการบวมได้ที่ ริมฝีปาก เปลือกตา แขนขา ถ้าบวมที่กล่องเสียงจะทำให้เสียงแหบหรือหายใจลำบากและเป็นอันตรายได้
การวินิจฉัยและการรักษาโรคลมพิษ
แพทย์ทำการสอบถามประวัติของคนไข้อย่างละเอียดเพื่อหาสิ่งที่เป็นปัจจัยกระตุ้นการเกิดผื่นลมพิษ ในบางรายอาจจะมีความจำเป็นต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสิ่งกระตุ้นการรักษา
- ถ้าเจอสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษแพทย์ให้คำแนะนำ(ควรหลีกเลี่ยงสารแพ้)
- ส่วนใหญ่จะพบไม่ทราบสาเหตุแม้ว่าแพทย์จะได้ทำการตรวจอย่างละเอียด
การรักษาผื่นลมพิษทั้งสองแบบนั้นเบื้องต้นแพทย์อาจให้ยาทาหรือยากินประเภทสารต้านอีสตามีนเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น แล้วนัดผู้ป่วยมาติดตามอาการในอีก 1 สัปดาห์
การป้องกันลมพิษ
- สังเกตอาการลมพิษและจดบันทึกอาการเมื่อมีผื่นขึ้น ลักษณะผื่นอาการ เวลาที่เกิดผื่นลมพิษ อาหารที่รับประทาน สารเคมีที่สัมผัส เป็นต้น เพื่อช่วยค้นหาสาเหตุของการเกิดลมพิษ
- เมื่อค้นพบสาเหตุการเกิดลมพิษ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น
- ถ้าเป็นมากหรือลมพิษเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้อง เช่น รับยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ
***เมื่อเป็นลมพิษ และมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก นั้นคืออาการที่คุณควรให้ความสำคัญและควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน