โรคไวรัสตับอักเสบบี
หลายครั้งที่ผู้ป่วยมาขอรับคำปรึกษาด้วยเรื่องผลตรวจสุขภาพพบไวรัสตับอักเสบบี ค่าตับผิดปกติ หรือบริจาคโลหิตไม่ผ่านทั้งที่เป็นคนในวัยทำงานมีสุขภาพดีมาตลอด ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการแสดงใดๆ ทั้งนี้เป็นเพราะไวรัสตับอักเสบบี ในช่วงโรคสงบหรือการอักเสบไม่มากมักไม่กอให้เกิดอาการที่ชัดเจน เราเคยเรียกกันในอดีตว่า “พาหะ” แต่อันที่จริงผู้ป่วยจำนวนหนึ่งอาจมีโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ ดังนั้นน่าจะเรียกว่า “โรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง” มากกว่า
การติดต่อของไวรัสตับอักเสบบี
การติดจากแม่สู่ลูกขณะคลอด การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากการรับเลือดในสมัยก่อน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การเจาะ การสัก การใช้ของมีคมร่วมกัน
อาการของผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี
ตับอักเสบบีเฉียบพลัน จะมีอาการอ่อนเพลียไข้ตำ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อาจจุกที่ลิ้นปี่หรือท้องด้านบนขวาร่วมด้วย โดยต่อมาจะมีตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม ระยะนี้ตับจะอักเสบมากแล้วจะค่อยๆดีขึ้นจนกลับเข้าสู่ปกติพร้อมๆกับยังตาเหลืองต่ออีกสักระยะหนึ่ง ระยะนี้มีโอกาสหายจากโรคได้ด้วยตัวเอง แต่บางรายระยะนี้อาจมีภาวะตับอักเสบรุนแรง ตับทรุดลงรวดเร็ว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
ตับอักเสบบีเรื้อรัง ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ ไม่สามารถหายได้เอง ซึ่งผู้ป่วยตับอักเสบบีเรื้อรังที่ไม่ได้ตรวจติดตามรักษา มีโอกาสเสี่ยงโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี
-
ระยะสงบ จะติดตามผมเลือดเป็นระยะอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน เพื่อเตรียมตัวรักษาเมื่อมีการอักเสบ โดยระยะที่ตับยังไม่อักเสบจะยังไม่มีการใช้ยาต้านไวรัส
-
ระยะตับอักเสบ จะตรวจปริมาณไวรัสและรักษาโรคโดยการใช้ยาฉีดหรือยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน
-
ระยะที่มีตับแข็งหรือระยะที่มีมะเร็งตับ จะพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน
-
การรักษาในกลุ่มพิเศษ เช่น ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันหรือผู้ป่วยที่เตรียมรับยาเคมีบำบัด จะมีการพิจารณารักษาด้วยยาต้านไวรัสชนิดรับทาน
การปฏิบัติตัวของผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวด์ตับเป็นระยะ ถ้ามียารับประทานตามแพทย์ระบุไม่ควรขาดยาเนื่องจากอาจดื้อยาได้
- สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิด อาจหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกถั่วและธัญพืชที่เก็บค้างนาน เนื่องจากอาจมีสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาชุด ยาลูกกลอนสมุนไพร ยาต้ม เนื่องจากอาจกดภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ไวรัสกำเริบและทำให้เกิดตับอักเสบจากตัวยานั้นๆเองได้
การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
- กรณีที่บุคคลในบ้านเดียวกันเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันได้ ไม่พบการติดต่อทางน้ำลาย
- สิ่งของที่ไม่ควรใช้ร่วมกันกับผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี คือ มีดโกน ที่โกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเลือดได้
- ปรึกษาแพทย์เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ในรายที่ยังไม่เป็นโรค