แผลเบาหวาน โดยเฉพาะแผลที่เท้าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะแผลเหล่านี้มักส่งผลให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง และอาจถึงขั้นต้องตัดขา ตัดเท้า หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ทำให้การรักษาด้วยการบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) กลายเป็นอีกทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มอัตราการหายของแผลเบาหวาน ลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการรักษาได้
แผลเบาหวานเกิดจากอะไร
-
การไหลเวียนเลือดไม่ดี : เนื่องจากโรคเบาหวานมักทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพอโดยเฉพาะกับบริเวณเท้า ดังนั้น เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมา หลอดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปช่วยสมานแผลก็จะน้อยลง ส่งผลให้แผลหายช้ามีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
-
ภาวะปลายประสาทอักเสบ : โรคเบาหวานจะมีผลต่อระบบเส้นประสาท โดยเฉพาะกับบริเวณเท้าที่จะทำให้เกิดอาการชาหรือสูญเสียความรู้สึก ทำให้เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้รับบาดแผลก็จะไม่มีความเจ็บปวดเป็นสัญญาณเตือน บาดแผลจึงมีโอกาสลุกลามได้
-
การติดเชื้อ : การที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีน้ำตาลในเลือดสูงจะไปทำให้การทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพลดลง ดังนั้น เมื่อร่างกายต้องต่อสู้กับการติดเชื้อในแผลเบาหวาน ก็จะทำให้มีโอกาสหายช้าและรุนแรงมากขึ้น
แผลเบาหวานมีกี่ระดับ
แผลเบาหวานสามารถจำแนกออกได้เป็น 6 ระดับตามหลักของ Wagner Ulcer Classification System ดังนี้
-
ระดับ 0 : ยังไม่เกิดรอยแผลเปิดที่เท้า
-
ระดับ 1 : มีรอยแผลเกิดขึ้น และมีการติดเชื้อแค่ที่ผิวหนังนอกสุด ซึ่งอาจพบหรือไม่พบเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบที่มีอาการบวมแดง ปวด หรือร้อน ก็ได้
-
ระดับ 2 : แผลมีการทะลุเข้าไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก และข้อ
-
ระดับ 3 : แผลมีการติดเชื้อที่กระดูก มีฝี หนอง
-
ระดับ 4 : เริ่มเกิดภาวะเนื้อตายที่เท้า โดยเกิดเป็นสัดส่วนเฉพาะที่
-
ระดับ 5 : เกิดภาวะเนื้อตายอย่างรุนแรง เป็นวงกว้างทั่วฝ่าเท้าซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการตัดขา
ซึ่งแผลที่ควรได้รับการรักษาด้วย Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT คือ แผลที่มีขนาดใหญ่ เกิดการทะลุ เริ่มมีการติดเชื้อ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเนื้อตาย
วิธีการใช้ HBOT รักษาแผลเบาหวาน
สำหรับแนวทางขั้นตอนการใช้ Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT ในการรักษาแผลเบาหวาน แพทย์จะทำการตรวจร่างกายผู้ป่วยก่อนเพื่อประเมินว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น การเอกซเรย์ปอด หรือ ตรวจการทำงานหูชั้นใน เมื่อผ่านการประเมินแล้วผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัยขณะอยู่ในเครื่องปรับบรรยากาศ หรือเรียกกันว่า อุโมงค์ออกซิเจน (Hyperbaric chamber)
เมื่อผู้ป่วยได้เข้าสู่เครื่องปรับบรรยากาศ (Hyperbaric chamber) แล้วเรียบร้อย แพทย์จะค่อย ๆ ปรับเพิ่มความดันบรรยากาศไปที่ประมาณ 2.4 ATA เพื่อรับออกซิเจนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการรักษา ใช้เวลาประมาณ 90 นาทีต่อครั้ง ระหว่างที่ผู้ป่วยอยู่ในเครื่องปรับบรรยากาศ (Hyperbaric chamber) นั้น ทางโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ก็มีบริการโทรทัศน์ อินเทอร์เน็ตให้ดูตามปกติ และเมื่อครบกำหนดเวลาแพทย์จะกลับมาปรับลดความดันบรรยากาศให้เท่ากับภายนอก เสร็จแล้วผู้ป่วยก็สามารถกลับบ้านได้
HBOT รักษาแผลเบาหวานกี่ครั้งถึงจะเริ่มเห็นผล
สำหรับแผนการรักษาแผลเบาหวานด้วย Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 20-40 ครั้ง หากเป็นไปได้แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาทุกวัน ซึ่งความถี่และระยะเวลาในการเข้ารับการรักษาด้วย HBOT นั้น จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยและความรุนแรงของบาดแผล โดยผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลดีขึ้นประมาณ 10-15 ครั้ง
ข้อดีของการเลือก HBOT รักษาแผลเบาหวาน ดีกว่าแบบอื่นอย่างไร
โดยทั่วไปแผลเบาหวานจะมีการรักษาด้วยการใช้วัสดุปิดแผล, การผ่าตัดเนื้อตาย หรือ การขยายหลอดเลือดให้ไปเลี้ยงที่ปลายเท้า ซึ่งการเลือกรักษาด้วย Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT ที่ถือเป็นการใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เข้าสู่กระแสเลือดเพื่อเร่งการสมานแผล ทำให้การเลือก Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT มีข้อดีที่มากกว่าการรักษาแบบทั่วไป ดังนี้
-
แผลเบาหวานหายเร็วขึ้น : Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT สามารถทำให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าปกติ จึงเกิดเป็นผลดีเพราะออกซิเจนสามารถเข้าสู่บาดแผลได้โดยตรง เร่งให้แผลมีการสมานตัวหายเร็วขึ้นมากกว่าผู้ป่วยที่อาศัยออกซิเจนตามธรรมชาติ
-
ลดความเสี่ยงในการตัดขา ตัดเท้า : เมื่อแผลเบาหวานสามารถหายได้เร็วขึ้นกว่าผู้ป่วยที่รับการรักษาแบบทั่วไป จึงสามารถลดความเสี่ยงในการตัดขา ตัดเท้า ได้อย่างมีนัยสำคัญ
-
กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ : ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณบาดแผล ทำให้สามารถส่งออกซิเจนได้ไปเลี้ยงมากขึ้น แผลหายเร็วขึ้นด้วย
-
เพิ่มการสร้างคอลลาเจน : โดยคอลลาเจนถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผล ดังนั้น เมื่อคอลลาเจนถูกผลิตมากขึ้นก็ช่วยสมานแผลได้เป็นอย่างดี
-
ยับยั้งและช่วยกำจัดแบคทีเรีย : สำหรับผู้ป่วยที่มีบาดแผลเรื้อรัง ไม่หาย การติดเชื้อแบคทีเรียถือว่าเป็นอันตรายมาก วิธีการรักษาด้วย Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT จึงถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการรักษาแบบทั่วไปเพียงอย่างเดียว
-
เสริมประสิทธิภาพในการรักษา : หากผู้ป่วยยังมีการรักษาแผลเบาหวานแบบทั่วไป ก็สามารถเลือก Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT เสริมประสิทธิภาพการรักษาเข้าไปได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งจะช่วยให้การรักษาหายเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) เป็นวิธีการรักษาแผลเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแพทย์ผู้ทำการรักษาจะมีการประเมิน การวางแผน การรักษา ดูแลทุกขั้นตอนเพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเห็นผลชัดเจน สามารถเพิ่มออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อ เร่งการสมานแผล ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และลดโอกาสของการตัดขา ตัดเท้า จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการรักษาที่ให้ความหวังและการเยียวยาแก่ผู้ป่วยที่เผชิญกับภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้อย่างแท้จริง
ติดต่อเพื่อพูดคุยกับเราเกี่ยวกับการรักษา
หากท่านมีคำถามเพิ่มเติม หรือต้องการนัดหมายเข้ารับบริการ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางด้านล่าง
Line OA: @chghbot
Tel. 0 2033 2900 ต่อ ศูนย์การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง หรือ 06 3529 6038