การฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก IUI (Intra Uterine Insemination)
เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยวิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก ถือว่าเป็นการปฏิสนธิที่ใกล้เคียงกับวิธีตามธรรมชาติมากที่สุด เพราะเป็นการฉีดน้ำเชื้อเข้าในโพรงมดลูกโดยตรง อาศัยเครื่องมือทางการแพทย์ขนาดเล็กที่สอดผ่านปากมดลูก วิธีนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีที่เพิ่มโอกาสอัตราการความสำเร็จของการตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี
ทำไมการฉีดน้ำเชื้อ IUI จึงได้ผลดีกว่าการตั้งครรภ์ธรรมชาติ
อัตราการตั้งครรภ์ภายหลังการฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูกโดยทั่วไปแล้วอัตราความสำเร็จของการกระตุ้นให้มีการตกไข่และการทำ IUI อยู่ระหว่าง 10 – 20 เปอร์เซ็นต่อรอบการรักษา ซึ่งมีข้อมูลจากการศึกษาในผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ พบว่าในการทำ IUI จะมีโอกาสตั้งครรภ์ มากกว่าโอกาสตั้งครรภ์โดยรอบธรรมชาติประมาณ 2 เท่า
แต่ถ้าทำการ IUI ร่วมกับกระตุ้นรังไข่ด้วยยารับประทานจะโอกาสมากขึ้นประมาณ 3 เท่า และถ้ากระตุ้นรังไข่ด้วยยาฉีดจะโอกาสมากขึ้นเป็น 4-6 เท่าเมื่อเทียบกับรอบธรรมชาติ
ผู้ที่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยการฉีดน้ำเชื้อ
- คู่สมรสที่ลองปล่อยวิธีธรรมชาติ 1 ปี ยังไม่ตั้งครรถ์
- ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับเชื้ออสุจิ มีจำนวนอสุจิน้อย อสุจิเคลื่อนที่ได้ไม่ดี
- ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่อุดตัน หรือท่อนำไข่ถูกทำลาย
- ใช้วิธีกระตุ้นการตกไข่และการผสมเทียม โดยการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงมาแล้วแต่ยังไม่ได้ผล
ข้อดีของการฉีดน้ำเชื้อ IUI
- สามารถทำได้ง่าย สะดวก ไม่ซับซ้อน
- ปลอดภัย
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่สูงมากนัก
- โอกาสตั้งครรภ์สำเร็จสูงกว่าวิธีธรรมชาติ
- มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดประมาณ 10-15% เนื่องจากสามารถใช้ไข่ได้หลายใบ
ทำไมต้องทำไมการฉีดน้ำเชื้อ IUI กับ โรงพยาบาลจุฬารัตน์
- ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รักษาผู้มีบุตรยากด้านการทำ ICSI และ IUI มายาวนาน
- Success Rate 85% จากเคสที่เราดูแลมาแล้วกว่า 10,000 เคส
อัตราการประสบความสำเร็จของการฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูกจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง คือ
- อายุของฝ่ายหญิง
- จำนวนไข่ที่สมบูรณ์พอที่จะทำให้เกิดการปฏิสนธิได้
- ความเข้มข้นของจำนวนอสุจิที่ใช้ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในวันที่ฉีดอสุจิ
แต่อย่างไรก็ตามแพทย์จะทำการควบคุมปัจจัยดังกล่าวให้เหมาะสมที่สุด เพื่อจะได้มีโอกาสในการตั้งครรภ์สูงสุด การทำ IUI จึงเป็นวิธีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายวิธีหนึ่ง
มีอัตราความสำเร็จมากพอสมควร ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่หากทำวิธีข้างต้นแล้วฝ่ายหญิงยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แพทย์จะนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์วิธีอื่นมาใช้ในการรักษาต่อไป เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF), การทำอิ๊กซี่ (ICSI)